การสร้างองค์กรแบบ Resilience เพื่อพัฒนาและเสริมทักษะพนักงานให้มีศักยภาพเหนือคู่แข่ง

“ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลายองค์กรต้องปรับและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานเพื่อให้องค์กรมีศักยภาพเหนือคู่แข่ง คำว่า “Resilience” จึงเข้ามามีบทบาท สำคัญในวงการบริหารทรัพยากรมนุษย์”
การทำงานภายใต้ภาวะความกดดันและปัญหาที่มากมาย รวมไปถึงกระบวนการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปของพนักงาน จึงกลายเป็นความจำเป็นของนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่ต้องเสริมทักษะและปลูกฝังความคิดนี้ให้แก่พนักงาน เพื่อให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีทัศนคติเชิงบวก
“Resilience” คือความยืดหยุ่นหรือการล้มแล้วต้องลุกเร็ว ในทุกครั้งที่เราต้องเจอกับปัญหา สถานการณ์ สภาวะตึงเครียด และความยากลำบาก เราจะต้องสามารถฟื้นตัว มองไปข้างหน้า และลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งกระบวนการคิดแบบ Resilience จะมีทักษะที่เป็นส่วนผสมดังนี้
(1) การยอมรับความเป็นจริง คือการทบทวนปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเรา หรืออาจจะคิดถึงกรณีเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากที่สุด หากเกิดขึ้นกับตัวเรา เรามีวิธีจัดการกับเหตุการณ์เหล่านั้นอย่างไร กระบวนการคิดแบบนี้จะทำให้เรามีระบบการคิดแบบวางแผนไว้ล่วงหน้า แต่ไม่ได้รู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเราคิด และวางแผนมาไว้แล้ว กระบวนการคิดแบบนี้จะกลายเป็นภูมิต้านทานให้กับปัญหาทุกสิ่งที่เข้ามา
(2) กล้าที่จะทบทวนตัวเอง หากเราเจอปัญหามากมายเข้ามารุมเร้า สิ่งแรกที่ควรจะทำคือ การทบทวนตัวเอง และมองย้อนกลับไปว่า จุดอ่อนของเราในเหตุการณ์นั้นคืออะไร และจุดแข็งของเรานั้นมีอะไรบ้าง
(3) ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มี คือ การต่อสู้กับปัญหาโดยใช้ทุกสิ่งที่เรามี มองไปข้างหน้า แล้วนำจุดแข็งของเรามองหาลู่ทางใหม่ๆ กระบวนการใหม่ๆที่อาจจะแตกต่างออกไปจากวิธีการเดิมอย่างสิ้นเชิงเพื่อแก้ไขปัญหา
หลังจากที่เราปลูกฝังทักษะเหล่านี้ให้กับพนักงานแล้ว ในส่วนขององค์กรก็ควรที่จะต้องสร้างบรรยากาศการทำงาน และวัฒนธรรมแบบ Resilience ด้วย ซึ่งคุณลักษณะขององค์การแบบ Resilience ถูกแบ่งออกเป็นมุมมอง 2 มิติ ดังนี้
(1) ความสามารถภายในองค์กร
Coherence ความสามารถในการทำงาน และตัดสินใจร่วมกันเพื่อผลประโยชน์ของทุกฝ่าย มองภาพส่วนรวมมากกว่าตนเอง
Adaptive Capacity ความสามารถในการปรับเปลี่ยนองค์การได้อย่างรวดเร็ว การรับ และขอ feedback จากคนรอบข้างเพื่อนำมาปรับตัว
Agility ความสามารถในการปฏิบัติตามแผนที่ได้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ไวต่อสัญญาณต่างๆทางธุรกิจ และเคลื่อนที่ให้ไวในการตอบสนอง
(2) ทักษะความสัมพันธ์กับลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
Relevance ความสม่ำเสมอในการส่งมอบความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เราต้องคาดการณ์และทำความเข้าใจถึงการปรับเปลี่ยนของความต้องการที่มีอยู่ตลอดเวลา
Reliable ความสม่ำเสมอในการส่งมอบได้ตามคุณภาพที่คาดหวังอย่างทันเวลา เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือให้ได้ แม้อยู่ในวิกฤติที่เลวร้าย
Trust สร้างความเข้าใจให้พวกเขาได้เห็นถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุนลงแรง และจัดการค่าตอบแทนที่ดี และสมเหตุสมผล สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ รวมถึงพนักงานเองก็รู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งขององค์การ และยังสามารถดึงดูลูกค้า หรือนักลงทุนรายใหม่ได้
สุดท้ายนี้ การสร้างพนักงานและองค์กรแบบ Resilience จนทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมนั้นสามารถทำได้ โดยอาศัยความมุ่งมั่นและเอาจริงเอาจังของผู้บริหารระดับต้นๆ ในองค์กร และนักทรัพยากรมนุษย์เองที่ต้องมีบทบาทในการกระตุ้นในเกิดทักษะ และทัศนคติของพนักงานเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังต้องพยายามธำรงรักษาวัฒนธรรมนี้ให้อยู่คู่กับองค์กรอย่างยั่งยืน
คุณพีรพงษ์ ทองแกมแก้ว
Human Resource and Admin Manager
บริษัท วีบียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.brightsidepeople.com/6-ทักษะ-must-have-ที่ทีมงานต้องมี/
https://blog.ourgreenfish.com/ก้าวต่อด้วย-resilience-ทักษะสำคัญที่สุด-ที่ทุกเจเนอเรชั่นต้องมี